อนุทินที่
7
ให้นักศึกษาอ่านพระราชบัญญัติในหัวข้อที่
1 และ2 ตอบคำถามลงในบล็อกของนักศึกษา 4 ข้อมีรายละเอียดดังนี้
1.พระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ
พ.ศ. 2545
2.พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
และกฎกระทรวง
กฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤติของนักเรียน
กฎกระทรวงว่าด้วยคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กฎกระทรวงต่าง
ๆ
ตอบคำถามต่อไปนี้
(1-3 พ.ร.บ.ภาคบังคับ, 4
พ.ร.บ.บริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ) ลงในบล็อกของนักศึกษา
1.เหตุผลทำไมต้องประกาศพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ
พ.ศ. 2545
ตอบ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ
พ.ศ. 2545
คือ โดยที่กฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติได้กำหนดให้บิดา มารดา
หรือผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้บุตรหรือบุคคลที่อยู่ในความดูแลได้รับการศึกษาภาคบังคับจำนวนเก้าปี
โดยให้เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดเข้าเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจนอายุย่างเข้าปีที่สิบหก
เว้นแต่จะสอบได้ชั้นปีที่เก้าของการศึกษาภาคบังคับ
จึงสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการประถมศึกษา
เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมายดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
2.ท่านเข้าใจความหมายตามพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ
พ.ศ. 2545 อย่างไร
ก. ผู้ปกครอง ข.เด็ก
ค.การศึกษาภาคบังคับ ง.
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ก. ผู้ปกครอง
ตอบ
ก. ผู้ปกครอง หมายถึง บิดา มารดา
หรือบิดาหรือมารดาหรือบุคคลที่เด็กอยู่ด้วยเป็นประจำหรือบุคคลที่เด็กอยู่
รับใช้ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจการปกครองหรือผู้ปกครองตามประมวลกฎหมายเพ่งเเละพาณิชย์
และหมายความรวมถึงบุคคลที่เด็กอยู่ด้วยประจำหรือที่เด็กอยู่รับใช้การงาน
ข.เด็ก
ตอบ
ข.เด็ก
หมายถึง
เด็กซึ่งอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดจนถึงอายุย่างเข้าปีที่สิบหกเว้นเเต่เด็กที่สอบเข้าย่างปีที่เก้าของการศึกษาภาคบังคับ
ค.การศึกษาภาคบังคับ
ตอบ
ค. การศึกษาภาคบังคับ หมายถึง
การศึกษาชั้นปีที่หนึ่งถึงชั้นปีที่เก้าของการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฏหมายว่าด้วยการศึกษาเเห่งชาติ
ง. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ตอบ
ง. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หมายถึง
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีสถานศึกษาอยู่ในสังกัด
3.กรณีผู้ปกครองไม่ส่งเข้าเรียนตามที่กฎหมายฉบับนี้กำหนดจะต้องถูกลงโทษ
อย่างไร และถ้าเด็กไม่สามารถเข้ารับการศึกษาใครจะเป็นผู้มีอำนาจในการผ่อนผันเด็กเข้าเรียน
ตอบ
เจ้าหน้าที่รายงานต่อคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ที่พบเด็กในสถานที่นั้นเพื่อดำเนินการให้เด็กเข้าเรียนในสถานศึกษานั้นเเละหากผู้ปกครองไม่ส่งเด็กเข้าเรียนตามที่กฎหมายกำหนดนั้นต้องระวางโทษไม่เกิน
หนึ่งพันบาท
หากพบว่ามีเด็กไม่ได้เข้าเรียนในสถานศึกษาตามมาตรา
5
ให้ดำเนินการให้เด็กนั้น ได้เข้าเรียนในสถานศึกษานั้น
แล้วรายงานให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้วแต่กรณีทราบ
ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการให้เด็กได้เข้าเรียนตามวรรคหนึ่งได้
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่รายงานให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท้องที่ที่พบเด็ก
แล้วแต่กรณี เพื่อดำเนินการให้เด็กได้เข้าเรียนในสถานศึกษา
4. ให้นักศึกษาสรุปประเด็นสำคัญที่ได้จากการอ่านพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
ตอบ
๑.
ร่างมาตรา ๓ แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดระเบียบบริหารราชการในส่วนกลาง
(ตามมาตรา ๙) จากเดิมมี ๒ ส่วนราชการได้แก่สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และส่วนราชการที่มีหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
จึงมีการเพิ่มอีก ๑
ส่วนราชการได้แก่กรมหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรมเพื่อให้สอดคล้องกับการจัดโครงสร้างการบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการ สำหรับการแบ่งส่วนราชการในส่วนกลาง (ตามมาตรา ๑๐)
กำหนดให้เป็นกรมหรือให้ส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินซึ่งมี
๓ ส่วนราชการได้แก่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
๒.
ร่างมาตรา ๔ แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติ
โดยกำหนดให้สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเข้ามามีบทบาทส่งเสริมสนับสนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในรูปแบบการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (ตามมาตรา ๒๒)
๓.
ร่างมาตรา ๕
แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับอำนาจการบังคับบัญชาของปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ตามมาตรา ๒๓ (๒) (๓)
ซึ่งส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นใหม่ที่มีฐานะเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินต้องอยู่ในอำนาจการบังคับบัญชาของปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
๔. ร่างมาตรา ๖
ได้มีการเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดระเบียบราชการในกรมหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรม
โดยเพิ่มส่วนที่ ๔ ได้แก่ มาตรา ๓๒/๑ มาตรา ๓๒/๒ และมาตรา ๓๒/๓
เพื่อรองรับการทำหน้าที่ของส่วนราชการและการแบ่งส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นใหม่
รวมทั้งการปกครอง
การบังคับบัญชาของอธิบดีหรือผู้ดำรงตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นเทียบเท่าอธิบดีในการบริหารราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของกรมหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรมรวมตลอดถึงผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกอง
หัวหน้ากองหรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า
๕.
ร่างมาตรา ๗ ถึงมาตรา ๙
แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการแทนของปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
หัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
อธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรม ผู้อำนวยการกอง หัวหน้ากอง
หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า (ตามมาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ วรรคหนึ่งและมาตรา ๔๗
วรรคหนึ่ง) ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติที่เปลี่ยนแปลงไป
๖.
ร่างมาตรา ๑๐ ถึงมาตรา ๑๓
แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการรักษาราชการแทนของปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรม
ผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการกองหรือตำแหน่งที่เทียบเท่า (ตามมาตรา ๕๐ มาตรา
๕๑ มาตรา ๕๑/๑ มาตรา
๕๒ และมาตรา ๕๒/๑) ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติที่เปลี่ยนแปลงไป
๗.
กำหนดเป็นบทเฉพาะกาล
เพื่อความต่อเนื่องในการปฏิบัติราชการและรองรับส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นใหม่ให้สามารถบริหารราชการต่อไปได้ซึ่งเกี่ยวกับ
(๑)
การโอนบรรดากิจการ อำนาจหน้าที่ ทรัพย์สิน หนี้ สิทธิ ภาระผูกพันข้าราชการ ลูกจ้าง
พนักงานราชการ เงินงบประมาณ
เงินนอกงบประมาณและอัตรากำลังเฉพาะส่วนไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (ตามมาตรา ๑๕ ถึงมาตรา ๑๗)
(๒)
การโอนบรรดาอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับ อ.ก.พ. สำนักงานปลัดกระทรวง ไปเป็นของ อ.ก.พ.
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
อ.ก.พ.สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยและ อ.ก.พ.
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนแล้วแต่กรณี (ตามมาตรา ๑๘ ถึงมาตรา ๒๐)
(๓)
การโอนอำนาจหน้าที่ อ.ก.ค.ศ.
เฉพาะส่วนไปเป็นของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (ตามมาตรา ๒๑)
(๔)
การปฏิบัติหน้าที่บริหารงานบุคคลเป็นการชั่วคราวของ อ.ก.พ. สำนักงานปลัดกระทรวง
และ อ.ก.ค.ศ. สำนักงานปลัดกระทรวง
(ตามมาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓)
(๕)
การรักษาการตามพระราชบัญญัติของรัฐมนตรี
(ตามมาตรา ๒๔)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น