วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

อนุทินที่5 วิเคราะห์ข่าว


วิเคราะห์ข่าว
เผชิญหน้า! พระ-ศิษย์ธรรมกาย เรียงหน้ากระดานประจันหน้าทหารผลักดันพ้นพื้นที่




พระ-ศิษย์ธรรมกาย หน้ากระดานเรียงหนึ่ง ประจันหน้าทหาร ขณะเคลื่อนกำลังค้นวัดพระธรรมกายผ่านประตู 1 ผลักดันทหารออกจากพื้นที่ ล่าสุดทหารยอมถอยแล้ว
          เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 บรรยากาศที่บริเวณประตู 1 วัดพระธรรมกาย ช่วงทางเข้าอาคารบุญรักษา มีเจ้าหน้าที่ทหารกว่า 50 นาย เดินทางเข้ารื้อประตู เพื่อเข้าไปตรวจค้น ทำให้พระสงฆ์ และคณะกลุ่มลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย พากันตั้งแถวหน้ากระดานขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารไว้ ฝั่งของพระสงฆ์และศิษยานุศิษย์ ได้สวดมนต์และเดินหน้าเข้าหาเจ้าหน้าที่ และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทหารออกจากพื้นที่ รวมถึงเรียกร้องให้ยกเลิก ม.44 ที่ให้วัดพระธรรมกาย เป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ ขณะที่ทางฝั่งทหารเองก็ยอมถอยร่นออกมาเรื่อย ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ เมื่อออกมาถึงบริเวณทางเข้า เจ้าหน้าที่จึงนำรั้วลวดหนามมาขวางไว้ สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่มีความรุนแรงใด ๆ เกิดขึ้น
           จนกระทั่งล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. พระสงฆ์และสามเณร และลูกศิษย์ ต่างช่วยกันนำท่อประปาปูนขนาดใหญ่มาปิดกั้นทางเข้า พร้อมกับเจรจาให้เจ้าหน้าที่ออกจากวัด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ยอมล่าถอยออกไป
          ส่วนความเคลื่อนไหวที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 นั้น พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางเข้ามาร่วมประชุมประเมินสถานการณ์ และได้มีการเชิญพระสงฆ์ 6 รูป มาพูดคุยที่ ตชด.ภาค 1 และคาดว่าจะมีการเปิดเผยรายละเอียดอีกครั้งภายหลังการประชุม

อนุทินที่ 4 ตอบคำถามท้ายบทเรียน



แบบฝึกหัดทบทวน



เมื่อนักศึกษาได้ศึกษาบทเรียนนี้แล้ว จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง

1. ใครเป็นผู้ขอพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรก และมีเหตุผลอย่างไร และประเด็นที่
เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา เป็นอย่างไร อธิบาย
          ตอบ ผู้ขอพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรกคือคณะราษฎร์ ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
เหตุผลผู้ขอพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามถือเป็นฉบับแรกคณะราษฎร์เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยได้กล่าวไว้ว่า บัดนี้การศึกษาสูงขึ้นแล้ว มีข้าราชการประกอบด้วยวุฒิปรีชาในรัฐาภิปาลนโยบายสามารถนำประเทศของตน ในอันที่จะก้าวหน้าไปสู่สากลอารยธรรมแห่งโลกโดยสวัสดี สมควรแล้วที่จะพระราชทานพระบรมวโรกาส ให้ข้าราชการและประชาชนของพระองค์ ได้มีส่วนมีเสียงตามความเห็นดีเห็นชอบในการจรรโลงประเทศสยามให้วัฒนาการในภายภาคหน้า
ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาคือ
หมวด 2 สิทธิและหน้าที่ของชนชาวสยาม มาตรา 14 ภายในบังคับแห่งกฎหมายบุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ภายในร่างกายเคหสถาน ทรัพย์สิน การพูด การเขียน การโฆษณา การศึกษาอบรม การประชุมโดยเปิดเผย การตั้งสมาคม การอาชีพ (ราชกิจจานุเบกษา, 2475, 536)


2. แนวนโยบายแห่งรัฐในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ของรัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2492 ได้กำหนดอย่างไร อธิบาย
ตอบ แนวนโยบายแห่งรัฐในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ของรัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2492 คือ
หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย
มาตรา 36 บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการศึกษาอบรม เมื่อการศึกษาอบรมนั้นไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมืองตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาอบรมและไม่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรสถานศึกษา สถานศึกษาของรัฐและของเทศบาล ต้องให้ความเสมอภาคแก่บุคคลในการเข้ารับการศึกษาอบรมตามความสามารถของบุคคลนั้น ๆ
หมวด 4 หน้าที่ของชนชาวไทย
มาตรา 53 บุคคลมีหน้าที่รับการศึกษาอบรมชั้นประถมศึกษา ภายในเงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ
หมวด 5 แนวนโยบายแห่งรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
มาตรา 62 การศึกษาอบรมพึงมีจุดประสงค์ที่จะให้ชนชาวไทยเป็นพลเมืองดี มีร่างกายแข็งแรงและอนามัยสมบูรณ์ มีความรู้ความสามารถที่จะประกอบอาชีพ และมีจิตใจเป็นนักประชาธิปไตย
มาตรา 63 รัฐพึงส่งเสริมและบำรุงการศึกษาอบรม การจัดระบบการศึกษาอบรมเป็นหน้าที่ของรัฐโดยเฉพาะสถานศึกษาทั้งปวงย่อมอยู่ภายในการควบคุมดูแลของรัฐ การศึกษาอบรมชั้นอุดมศึกษา รัฐพึงจัดการให้สถานศึกษาดาเนินกิจการของตนเองได้ภายในขอบเขตที่กฎหมายบัญญัติ
มาตรา 64 การศึกษาอบรมชั้นประถมศึกษาในสถานศึกษาของรัฐและของเทศบาล จะต้องจัดให้โดยไม่เก็บค่าเล่าเรียน รัฐพึงช่วยเหลือให้มีอุปกรณ์การศึกษาอบรมตามสมควร มาตรา 65 รัฐพึงสนับสนุนการค้นคว้าในทางศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (ราชกิจจานุเบกษา, 2492, 25-27)

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

อนุทินที่ 3 วิเคราะห์ข่าวเกี่ยวกับการศึกษา



วิเคราะห์ข่าวเกี่ยวกับกฎหมายการศึกษา

ผู้ปกครองเด็กนร.ชั้น ม.1 ในจ.ชัยภูมิ ร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อ
หลังหลานถูกอาจารย์ฝ่ายปกครองตบบ้องหูจนแก้วหูฉีก
แถมยังกระทืบซ้ำต่อหน้าเพื่อนๆในห้องเรียน




          เมื่อวันที่ 28 พ.ค. นางพี (นามสมมุติ) อายุ 58 ปี ชาวบ้านใน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ได้พาตัว ด.ช.โต้ง (นามสมมุติ) หลานชายอายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ชัยภูมิ เข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว กรณี ด.ช.โต้ง ได้ถูกครูที่โรงเรียนทำร้ายร่างกายจนแก้วหูฉีกขาด โดย นางพี เล่าว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา ด.ช.โต้ง หลานชาย ได้กลับมาจากโรงเรียนด้วยน้ำตานองหน้า พร้อมกับเล่าให้ตนฟังว่า ขณะที่กำลังจะเลิกเรียนได้หยอกล้อเล่นกันกับเพื่อนร่วมห้องในห้องเรียน ตามประสาเด็กนักเรียนที่เพิ่งเปิดเทอมใหม่ ระหว่างนั้นได้มี นายโด้ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครอง ได้ผ่านมาเห็นเข้า จึงเรียก ด.ช.โต้ง กับเพื่อนให้มาพบที่บริเวณหน้าชั้นเรียน จากนั้นอาจารย์คนดังกล่าวได้ใช้มือตบเข้าที่บริเวณใบหน้าและกกหูด้านซ้ายของ ด.ช.โต้ง อย่างแรง จนล้มฟุบไปกองกับพื้น และยังได้ใช้เท้ากระทืบซ้ำไปที่ชายโครงอีก 1 ครั้ง ท่ามกลางสายตาเพื่อนนักเรียนร่วมห้องกว่า 30 คน หลังจากนั้นก็ได้พูดจาข่มขู่ ด.ช.โต้ง ต่างๆนานา
          นางพี เล่าต่อไปว่า หลังจากหลานชายกลับมาถึงบ้าน และนำเรื่องมาเล่าให้ฟัง จากนั้นก็เริ่มมีอาการปวดหัว และปวดที่ในรูหูเป็นอย่างมาก จนทนไม่ไหวร้องไห้ตลอดเวลา ตนจึงนำตัวส่งไปพบแพทย์ที่ รพ.จัตุรัส ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่า หลานมีอาการสาหัส จึงส่งตัวต่อไปที่ รพ.ชัยภูมิ เมื่อแพทย์ตรวจรักษาด้วยการใช้กล่องส่องตรวจในรูหู พบว่าแก้วหูด้านซ้ายของหลานฉีกขาด และเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง และหูซ้ายอาจต้องพิการไปตลอดชีวิต ทั้งนี้ตนรู้สึกสงสารหลานชายมาก เนื่องจากเป็นเด็กที่มีปมด้อย พ่อและแม่ได้แยกทางกันตั้งแต่เกิด จึงพาตัวหลานชายมาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวเพื่อขอความเป็นธรรม และอยากให้ทางโรงเรียนช่วยตรวจสอบพฤติกรรมของอาจารย์รายนี้ เนื่องจากเกรงว่าจะไปก่อเหตุกับเด็กคนอื่นๆอีก อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางด้านอาจารย์ชายที่ก่อเหตุได้เดินทางมาพบกับผู้ปกครองของ ด.ช.โต้ง โดยได้ยอมรับผิด และต้องการจะนำตัวเด็กไปให้แพทย์ทำการรักษา แต่ว่าทางญาติของ ด.ช.โต้ง ไม่ยินยอม.“

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการวิเคราะห์ข่าว และหากเป็นครูแล้วเจอเหตุการณ์แบบนี้จะทำอย่างไร
          ข้าพเจ้าคิดว่าในกรณีของ ด.ช.โต้ง (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ชัยภูมิ ได้ถูกครูที่โรงเรียนทำร้ายร่างกายจนแก้วหูฉีกขาด เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง และหูซ้ายอาจต้องพิการไปตลอดชีวิตนั้น ครูได้ลงโทษนักเรียนแรงเกินไป ซึ่งนักเรียนก็แค่หยอกล้อเล่นกันกับเพื่อนร่วมห้องในห้องเรียน ตามประสาเด็กนักเรียนที่เพิ่งเปิดเทอมใหม่ แต่นายโด้ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครอง ได้ผ่านมาเห็นเข้า จึงเรียก ด.ช.โต้ง กับเพื่อนให้มาพบที่บริเวณหน้าชั้นเรียน จากนั้นอาจารย์คนดังกล่าวได้ใช้มือตบเข้าที่บริเวณใบหน้าและกกหูด้านซ้ายของ ด.ช.โต้ง อย่างแรง จนล้มฟุบไปกองกับพื้น และยังได้ใช้เท้ากระทืบซ้ำไปที่ชายโครงอีก 1 ครั้ง ท่ามกลางสายตาเพื่อนนักเรียนร่วมห้องกว่า 30 คน หลังจากนั้นก็ได้พูดจาข่มขู่ ด.ช.โต้ง ต่างๆนานา การกระทำของครูเช่นนี้เป็นตัวอย่างการลงโทษนักเรียนที่ผิด ซึ่งครูควรคิด ไตร่ตรองก่อนที่จะลงโทษนักเรียน ว่าถ้าลงโทษแบบใดจึงจะเหมาะสมที่สุด ไม่ใช่อารมณ์ในการลงโทษ ครูควรคำนึงถึงระเบียบ กระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษาด้วย ซึ่งระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษาพ.ศ. 2548 ได้กำหนดวิธีการลงโทษไว้ซึ่งจะนำมากล่าวถึงในประเด็นที่เป็นสาระสำคัญดังนี้

อนุทินที่ 2 ตอบคำถามจากการศึกษาบทเรียน


แบบฝึกหัด

คำสั่ง : หลังจากนักศึกษาได้ศึกษาบทเรียนนี้แล้ว จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง

1. ท่านคิดว่าทำไมมนุษย์เราต้องมีกฎหมาย หากไม่มีจะเป็นอย่างไร
           ตอบ ข้าพเจ้าคิดว่า มนุษย์ไม่สามารถอยู่โดดเดี่ยวตามลำพังได้ มนุษย์เป็นสัตว์ที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม หรือคำนิยามที่เรียกว่า “สัตว์สังคม” จำเป็นต้องพึ่งพาเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอยู่รวมกันเป็นสังคมเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่รอดได้ แต่การอยู่รวมกันของมนุษย์นั้น อาจเกิดความขัดแย้ง มีการทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย ถ้ามีการใช้กำลังกันบ่อยเข้าสังคมมนุษย์จะไม่อาจดำรงอยู่ได้ จึงจำเป็นจะต้องมีกฎหมายเพื่อควบคุมให้สังคมมีความสงบเรียบร้อย กฎหมายบางอย่างก็กำหนดขึ้นเป็นขั้นตอนหรือวิธีปฏิบัติเพื่อให้ได้มาซึ่งความสงบเรียบร้อย หรือเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ นอกจากนี้การบัญญัติกฎหมายเพื่อเป็นบรรทัดฐานให้คนในสังคมปฏิบัติตามในแนวทางเดียวกัน ก็จะสร้างความเป็นระเบียบให้เกิดขึ้นอีกด้วย
          หากไม่มีกฎหมายนั้น สังคมก็จะมีแต่ความวุ่นวาย เกิดความขัดแย้ง มีการทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย ไร้ซึ่งระเบียบวินัย ทุกคนดำเนินชีวิตโดยไร้บรรทัดฐานเดียวกัน มนุษย์ทุกคนก็จะแสดงความเห็นแก่ตัวมากขึ้น สุดท้ายสังคมมนุษย์จะไม่อาจดำรงอยู่ได้

2. ท่านคิดว่าสังคมปัจจุบันจะอยู่ได้หรือไม่หากไม่มีกฎหมายและจะเป็นอย่างไร
          ตอบ ข้าพเจ้าคิดว่า สังคมปัจจุบันจะอยู่ไม่ได้ เพราะ กฎหมายเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาความสงบ เรียบร้อยให้เกิดขึ้นในสังคมมนุษย์ สอดคล้องกับคำที่ว่า  “ที่ใดมีสังคมที่นั้นมีกฎหมาย”   ซึ่งสังคมในปัจจุบันนั้นมีเหตุการณ์ที่เป็นปัญหาต่างๆมากมาย  อาทิเช่น  การชุมนุมทางการเมือง  การค้ามนุษย์   การคอรัปชั่น  การใช้ความรุนแรงต่อกัน  การค้ายาเสพติด  การค้ามนุษย์ และปัญหาอื่นๆอีกมากมาย  โดยในสังคมปัจจุบันนั้นมีควาเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆมากมาย ทำให้มนุษย์เกิดการพัฒนาทั้งในด้านดีและในด้านที่ไม่ดี   จนทำให้การกะทำผิดของมนุษย์นั้นมีมากมายและมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น  ซึ่งกฎหมายต้องมีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น    แต่ถ้าหากไม่มีกฎหมาย  มนุษย์ก็จะสามารถทำความผิดได้ง่าย โดยไม่ต้องคิดไตร่ตรองเพราะมนุษย์ที่กระทำความผิดก็จะไม่ได้รับการลงโทษ  ซึ่งก่อให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง  และคนในสังคมอยู่กันอย่างไม่มีความสุข

อนุทินที่ 1 ประวัติส่วนตัว




ประวัติส่วนตัว


ชื่อ : นางสาวจิรดา  เสนอินทร์              ชื่อเล่น : บีม
เกิดวันที่ : 17 ตุลาคม 2537                อายุ : 22 ปี
เชื้อชาติ : ไทย            สัญชาติ : ไทย             ศาสนา : พุทธ